วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

ชื่อเรื่อง    รายงานผลการใช้และพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านตีความ
                  บทร้อยกรอง  กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔
ผู้รายงาน   นางเพชราภรณ์  อยู่คล้ำ
ตำแหน่ง     ครู วิทยฐานะครูชำนาญการ
                    โรงเรียนเทศบาลวัดประทุมคณาวาส (นิพัทธ์หริณสูตร์)                 
                    จังหวัดสมุทรสงคราม                                             
ปีที่ศึกษา    ๒๕๕๖

 

บทคัดย่อ

         รายงานผลการใช้และพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านตีความบทร้อยกรอง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ ๑) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านตีความบทร้อยกรอง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน ๘๐/๘๐  ๒) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านตีความบทร้อยกรอง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนเทศบาลวัดประทุมคณาวาส (นิพัทธ์หริณสูตร์) ) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านตีความบทร้อยกรอง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนเทศบาลวัดประทุมคณาวาส (นิพัทธ์หริณสูตร์)  เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนา ๑) แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านตีความบทร้อยกรอง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔  ๒) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน  ) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านตีความบทร้อยกรอง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔  สถิติที่ใช้ได้แก่ 1) ค่าเฉลี่ยเลขคณิต   ๒ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน  และค่าสถิติ  (t-test
           ผลการใช้และพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านตีความบทร้อยกรอง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ พบว่า ๑) แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านตีความบทร้อยกรอง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ เท่ากับ ๘๑.๐๘/๘๖.๐๐ เป็นตามเกณฑ์มาตรฐาน ๘๐/๘๐   ๒) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ที่เรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านตีความบทร้อยกรอง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑ ๓) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ มีความพึงพอใจต่อ
การเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านตีความบทร้อยกรอง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ อยู่ในระดับมากที่สุด



วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556


ชื่อเรื่อง           การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ที่เรียนด้วยบทเรียนบูรณาการ
ชื่อผู้รายงาน     นางบุญช่วย  สุขโข     ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการ
ปีการศึกษา      ๒๕๕๕

บทคัดย่อ

การพัฒนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของบทเรียนบูรณาการ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ตามเกณฑ์ ๗๐/๗๐ และเพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทาง
การเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ที่เรียนด้วยบทเรียนบูรณาการ กลุ่มเป้าหมายในการรายงานครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑/๓ โรงเรียนเทศบาลวัดประทุมคณาวาส (นิพัทธ์หริณสูตร์) ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๕ จำนวน ๓๒ คน เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง คือ
บทเรียนบูรณาการ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ที่ผู้รายงานสร้างขึ้น จำนวน ๓ หน่วย และแบบทดสอบหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยบทเรียนบูรณาการ ผลการศึกษาพบว่า
๑. ประสิทธิภาพของบทเรียนบูรณาการ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑
มีประสิทธิภาพเท่ากับ ๙๔.๕๕/๘๗.๖๗ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์
๒. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑
ที่เรียนด้วยบทเรียนบูรณาการ มีค่าร้อยละเฉลี่ยเท่ากับ ๙๔.๐๖ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ที่กำหนดไว้

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

การสร้างแบบฝึกทักษะการอ่านเพื่อนำไปสู่การเขียนวิชาภาษาอังกฤษชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้การสอนแบบ 3P กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาลวัดประทุมคณาวาส (นิพัทธ์หรินสูตร์) สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม


ชื่อเรื่อง การสร้างแบบฝึกทักษะการอ่านเพื่อนำไปสู่การเขียนวิชาภาษาอังกฤษชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้การสอนแบบ 3P กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาลวัดประทุมคณาวาส (นิพัทธ์หรินสูตร์) สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม

ผู้วิจัย นางอุบล อ่อนน้อม

          การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแบบฝึกทักษะการอ่านเพื่อนำไปสู่การเขียนวิชาภาษาอังกฤษชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาลวัดประทุมคณาวาส (นิพัทธ์หรินสูตร์) สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม โดยใช้การสอนแบบ 3P ที่มีประสิทธิภาพ 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านเพื่อนำไปสู่การเขียนวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาลวัดประทุมคณาวาส (นิพัทธ์หรินสูตร์) สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม โดยใช้การสอนแบบ 3P และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะการอ่านเพื่อนำไปสู่การเขียนวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาลวัดประทุมคณาวาส(นิพัทธ์หรินสูตร์) สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม
          กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนวิชาภาษาอังกฤษในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 โรงเรียนเทศบาลวัดประทุมคณาวาส (นิพัทธ์หรินสูตร์) สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม จำนวน 3 ห้องเรียน นักเรียนจำนวน 97 คน ได้จากการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 33 คน
          เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบฝึกทักษะการอ่านเพื่อนำไปสู่การเขียนวิชาภาษาอังกฤษชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 10 เรื่อง แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 10 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ และแบบวัดความพึงพอใจ จำนวน 7 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที
          ผลการวิจัยพบว่า
          1. การแบบฝึกทักษะการอ่านเพื่อนำไปสู่การเขียนวิชาภาษาอังกฤษชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้การสอนแบบ 3P มีประสิทธิภาพเท่ากับ 89.01/91.36 ซึ่งสูงกว่าตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่ตั้งไว้
          2. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากแบบฝึกทักษะการอ่านเพื่อนำไปสู่การเขียนวิชาภาษาอังกฤษชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้การสอนแบบ 3P โดยการทดสอบค่าที (t-test) พบว่าผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนหลังใช้แบบฝึกทักษะสูงกว่าก่อนใช้แบบฝึกทักษะ ทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น
          3. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะการอ่านเพื่อนำไปสู่การเขียนวิชาภาษาอังกฤษชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้การสอนแบบ 3P สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก